รู้จักระบบ Chiller และ Air Compressor ตัวช่วยประหยัดพลังงาน

ระบบชิลเลอร์ในโรงงานอุตสาหกรรม

โรงงานอุตสาหกรรม เป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุด การประหยัดพลังงานในโรงงานจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งต้นทุนการผลิต ผลกำไร และสิ่งแวดล้อม ซึ่งหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานในโรงงาน คือการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของระบบทำความเย็น (Chiller) และระบบปั๊มลม (Air Compressor) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบบปรับอากาศและระบบลมอัดในโรงงานและโรงแรม

ทำความรู้จักระบบ Chiller

ระบบชิลเลอร์ (Chiller)  คืออะไร ?

ระบบ Chiller เป็นระบบทำความเย็นขนาดใหญ่ มีหน้าที่หลักในการผลิตน้ำเย็น เพื่อนำไปใช้หมุนเวียนในคอยล์เย็น (Cooling Coil) ของระบบปรับอากาศ น้ำเย็นจากระบบชิลเลอร์จะทำหน้าที่ดูดซับความร้อนจากอากาศภายในอาคาร ทำให้อุณหภูมิเครื่องจักรลดลง อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการปรับอากาศ

ระบบชิลเลอร์ (Chiller) มีกี่แบบ

ระบบชิลเลอร์ (Chiller) มีหลักการทำงานสำคัญ โดยอาศัยการถ่ายเทความร้อนระหว่างสารทำความเย็นกับน้ำ ซึ่งประเภทของชิลเลอร์จะขึ้นอยู่กับวิธีการระบายความร้อนออกจากสารทำความเย็น ดังต่อไปนี้

  1. เครื่องทำน้ำเย็นระบายความร้อนด้วยอากาศ  (Air Cooled Chiller)เป็นระบบชิลเลอร์ที่นิยมใช้งานมากที่สุด เหมาะสำหรับสถานที่ที่มีพื้นที่จำกัด เนื่องจากไม่ต้องติดตั้งระบบท่อน้ำเย็น อีกทั้งยังบำรุงรักษาง่าย โดยมีหลักการทำงาน คือ
  • สารทำความเย็นในคอมเพรสเซอร์จะถูกบีบอัดจนมีความดันและอุณหภูมิสูงขึ้น
  • สารทำความเย็นที่ร้อนขึ้นจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น จะไหลผ่านคอนเดนเซอร์ ซึ่งมีพัดลมเป่าอากาศเย็นมาช่วยระบายความร้อน
  • ความร้อนจากสารทำความเย็นจะถ่ายเทสู่อากาศ ทำให้สารทำความเย็นกลายเป็นของเหลว
  • สารทำความเย็นเหลวจะไหลผ่านอุปกรณ์ลดความดัน ทำให้อุณหภูมิของสารทำความเย็นลดลง
  • สารทำความเย็นจะไหลผ่านคอยล์เย็น (Evaporator) ซึ่งทำหน้าที่ดูดซับความร้อนจากน้ำ
  • น้ำจากสารทำความเย็นจะกลายเป็นน้ำเย็น และถูกส่งไปยังระบบปรับอากาศ หรือกระบวนการผลิต
  • สารทำความเย็นที่ดูดซับความร้อนจากระบบปรับอากาศหรือกระบวนการผลิต จะกลายเป็นก๊าซและไหลกลับสู่คอมเพรสเซอร์ ก่อให้เกิดกระบวนการใหม่อีกครั้ง
  1. เครื่องทำน้ำเย็นระบายความร้อนด้วยน้ำ (Water Cooled Chiller)

เครื่องทำน้ำเย็นระบายความร้อนด้วยน้ำ เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูงกว่าแบบ Air Cooled Chiller แต่ต้องติดตั้งท่อน้ำเย็นและเหมาะสำหรับใช้งานในสถานที่ที่มีแหล่งน้ำเย็น เช่น แม่น้ำ ลำธาร หรือบ่อน้ำ โดยมีหลักการทำงานส่วนใหญ่คล้ายเครื่องทำน้ำเย็นระบายความร้อนด้วยอากาศ แต่สารทำความเย็นที่ร้อนจะไหลผ่านคอนเดนเซอร์ โดยใช้น้ำเย็นจากแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือจากหอหล่อเย็นมาช่วยระบายความร้อน จึงประหยัดพลังงานและมีเสียงรบกวนต่ำกว่า

ห้องสำหรับระบบ Air Compressor

ทำความรู้จักระบบ Air Compressor

ระบบ Air Compressor คืออะไร ?

ระบบ Air Compressor สำหรับโรงงาน หรือที่เรียกกันว่าปั๊มลม เป็นแหล่งกำเนิดและป้อนอากาศอัดให้แก่อุปกรณ์เครื่องมือนานาชนิด โดยอาศัยหลักการดูดอากาศเข้าสู่การอัดแรงดันสูง ลมอัดที่ผลิตได้จะถูกส่งไปใช้งานในเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ ในโรงงาน ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม่นยำ และปลอดภัย

ระบบ Air Compressor มีกี่ประเภท

ระบบ Air Compressor มีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับหลักการทำงานและลักษณะการใช้งาน โดยสามารถแบ่งออกได้ ดังต่อไปนี้

  1. เครื่องอัดอากาศแบบลูกสูบ (Piston Air Compressor)

มีโครงสร้างเรียบง่าย แต่อาจเกิดแรงสั่นสะเทือนและเสียงดัง จึงต้องบำรุงรักษาบ่อยครั้ง ไม่เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยมีหลักการทำงาน คืออากาศจะถูกดูดเข้าไปภายในกระบอกสูบ จากนั้นลูกสูบจะเคลื่อนที่ไปมาเพื่ออัดอากาศให้มีแรงดันสูง แล้วอากาศแรงดันสูงจะถูกส่งผ่านวาล์วไปยังถังเก็บลมเพื่อส่งผ่านไปยังจุดใช้งาน

  1. เครื่องอัดอากาศแบบสกรู (Screw Air Compressor)

เป็นประเภทที่นิยมนำมาใช้ในโรงงาน โรงพิมพ์ หรืออุตสาหกรรม ซึ่งทำงานโดยใช้โรเตอร์เกลียวสกรูคู่หมุนขบกัน แทนการใช้ลิ้นเปิดปิด จึงไม่มีเสียงดังและการสึกหรอน้อย แต่ต้องการระบบระบายความร้อนที่ดี เนื่องจากสามารถจ่ายลมได้อย่างต่อเนื่องและสร้างแรงดันได้สูง

  1. เครื่องอัดอากาศแบบไดอะแฟรม (Diaphragm Air Compressor)

ทำงานโดยใช้แผ่นไดอะแฟรมเสมือนลูกสูบในการดูดและอัดอากาศ โดยไม่ต้องสัมผัสกับชิ้นส่วนโลหะ จึงไม่มีการสึกหรอ ทำให้ได้ลมที่ไม่มีการผสมของน้ำมันหล่อลื่น จึงเหมาะสำหรับงานที่ต้องการลมสะอาด แต่แรงดันที่ได้จะไม่สูงเท่าปั๊มลมแบบอื่น ด้วยคุณสมบัติที่ทำให้ได้เสียงที่เงียบและลมสะอาด จึงนิยมใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ยา เคมี รวมถึงอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์น้ำ

  1. เครื่องอัดอากาศแบบใบพัดเลื่อน (Sliding Vane Rotary Air Compressor)

โดดเด่นด้วยการทำงานเงียบ จากการหมุนที่ราบเรียบและสม่ำเสมอ ทำให้การไหลของอากาศราบเรียบ ไม่มีแรงสั่นสะเทือน โดยมีการอัดอากาศคงที่ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำ อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานยาวนาน เนื่องจากไม่มีลิ้นหรือวาล์วในการปิดเปิด โดยมีขนาดกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่ติดตั้ง แต่อาจเกิดความร้อนได้ง่าย

  1. เครื่องอัดอากาศแบบใบพัดหมุน (Roots Air Compressor)

ปั๊มลมแบบใบพัดหมุน ถูกออกแบบให้มีใบพัดหมุน 2 ใบ ให้หมุนในทิศทางตรงข้ามกัน เพื่อดูดอากาศจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงปริมาตร ซึ่งอากาศจะถูกอัดตัวเมื่อถูกส่งเข้าถังเก็บลม โดยมีโครงสร้างเรียบง่าย ชิ้นส่วนน้อย ไม่ซับซ้อน จึงมีความทนทาน ใช้งานง่าย ไม่ต้องดูแลรักษามาก รวมถึงไม่มีประกายไฟ ทำให้ปลอดภัยสำหรับงานในพื้นที่อันตราย

  1. เครื่องอัดอากาศแบบกังหัน (Radial and Axial Flow Air Compressor)

เป็นที่รู้จักในด้านประสิทธิภาพการจ่ายลมปริมาณมาก ซึ่งทำงานโดยอาศัยใบพัดกังหันดูดอากาศจากด้านหนึ่งด้วยความเร็วสูง เพื่อส่งออกไปอีกด้านหนึ่ง การออกแบบใบพัดจึงมีความสำคัญต่ออัตราการผลิตและจ่ายลม โดยเหมาะสำหรับงานที่ต้องการปริมาณลมมาก แต่แรงดันที่ได้จะไม่สูงเท่าปั๊มลมแบบอื่น

ระบบชิลเลอร์และระบบอัดอากาศที่มีประสิทธิภาพจะช่วยเสริมศักยภาพการผลิต ลดต้นทุน เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่กำลังต้องการลด Cost และมองหาวิธีประหยัดพลังงานในโรงงานและโรงแรม โดย  GreenYellow มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบ จัดหา ปรับเปลี่ยน หรือติดตั้งระบบที่เหมาะสมกับความต้องการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักร ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลง แต่ยังคงศักยภาพการทำงานได้ดีเหมือนเดิม หรือมากกว่าเดิม พร้อมการจัดการระบบให้เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น สามารถปรึกษา GreenYellow (กรีน เยลโล่) เพื่อรับคำแนะนำ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-079-8081 หรืออีเมล gr*********@gr*********.com

Free consultation