fbpx

เจาะวิธีอ่านบิลค่าไฟฟ้าโรงงาน มีอะไรที่ผู้ประกอบการต้องรู้ ?

เรียนรู้วิธีอ่านบิลค่าไฟฟ้าโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อตรวจสอบข้อมูลที่สำคัญ พร้อมนำมาบริหารค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
วิธีอ่านบิลค่าไฟฟ้าโรงงาน เพื่อนำมาวางแผนลดค่าใช้จ่าย

การอ่านบิลค่าไฟฟ้าโรงงานอุตสาหกรรม เป็นทักษะสำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถควบคุมต้นทุนด้านพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากไฟฟ้าเป็นต้นทุนหลักของการดำเนินธุรกิจในภาคอุตสาหกรรม ดังนั้น การทำความเข้าใจในรายละเอียดของบิลค่าไฟจะช่วยให้สามารถวางแผนลดค่าใช้จ่ายและบริหารจัดการพลังงานได้อย่างยั่งยืน

ศัพท์พื้นฐานที่ควรรู้เกี่ยวกับไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม

ก่อนเริ่มอ่านบิลค่าไฟฟ้า จำเป็นต้องเข้าใจคำศัพท์พื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานไฟฟ้าในโรงงาน ซึ่งมีดังนี้

  • กิโลวัตต์ (kW) : หน่วยวัดกำลังไฟฟ้า 1 กิโลวัตต์ (kW) จะเท่ากับ 1,000 วัตต์ (W)
  • กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) : หน่วยวัดพลังงานไฟฟ้าที่ใช้งาน ซึ่งคำนวณจากความต้องการพลังงาน (กิโลวัตต์) คูณด้วยระยะเวลาใช้งาน (ชั่วโมง)
  • แรงดันไฟฟ้า : วัดเป็นโวลต์ (V) ซึ่งโดยทั่วไปโรงงานอุตสาหกรรมใช้ไฟฟ้าที่แรงดัน 380V เพื่อรองรับการทำงานของเครื่องจักร หากแรงดันไฟฟ้าต่ำเกินไป เครื่องจักรอาจทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้เกิดโหลดสูง และเพิ่มค่าใช้จ่าย
  • กระแสไฟฟ้า : วัดเป็นแอมแปร์ (A) โดยเป็นตัวบ่งชี้ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านในวงจร

วิธีอ่านบิลค่าไฟฟ้าโรงงาน

การอ่านบิลค่าไฟฟ้าโรงงาน อาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อนสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคย แต่การทำความเข้าใจบิลค่าไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ โดยมีข้อมูลสำคัญในบิลค่าไฟโรงงานอุตสาหกรรมที่ควรตรวจสอบทุกครั้ง ดังนี้

1. ข้อมูลส่วนตัวของโรงงาน

บิลค่าไฟฟ้าจะแสดงข้อมูลพื้นฐานของโรงงาน โดยการตรวจสอบข้อมูลส่วนนี้จะช่วยป้องกันความผิดพลาด เช่น การเรียกเก็บเงินจากหมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้าผิด จึงควรตรวจสอบให้ดีว่าข้อมูลดังต่อไปนี้มีความถูกต้อง

  • ชื่อโรงงานและที่อยู่ : ตรวจสอบว่าข้อมูลถูกต้องและตรงกับสถานประกอบการ
  • ประเภทผู้ใช้ไฟฟ้า : โรงงานมักจัดอยู่ในประเภทผู้ใช้ไฟฟ้าอุตสาหกรรม ซึ่งมีอัตราค่าไฟแตกต่างจากผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไป
  • หมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้า : ใช้สำหรับการอ้างอิงข้อมูลและติดต่อกับหน่วยงานการไฟฟ้า

2. ช่วงเวลาการเรียกเก็บเงิน

บิลจะระบุระยะเวลาการใช้งานที่ถูกเรียกเก็บ โดยการตรวจสอบช่วงเวลาจะช่วยให้แน่ใจว่าไม่มีความคลาดเคลื่อนในรอบบิล เช่น การเรียกเก็บเงินซ้ำซ้อน หรือข้ามรอบ ซึ่งการเปรียบเทียบช่วงเวลาการเรียกเก็บเงินกับข้อมูลการผลิตในโรงงาน จะช่วยให้ทราบถึงการใช้งานไฟฟ้าและปริมาณการผลิตระหว่างรอบบิล

3. จำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้

วิธีดูหน่วยไฟฟ้าในบิล คือภายในบิลจะแสดงจำนวนพลังงานไฟฟ้าที่โรงงานใช้ในหน่วยกิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของการใช้พลังงาน เช่น หากบิลระบุว่าใช้ไฟฟ้า 10,000 kWh แปลว่าโรงงานใช้ไฟฟ้าในปริมาณนี้ โดยสามารถใช้เปรียบเทียบตัวเลขนี้กับบิลรอบก่อนหน้าเพื่อตรวจจับการเพิ่ม หรือลดลงของการใช้พลังงาน หากพบว่าจำนวนหน่วยไฟฟ้าเพิ่มขึ้นผิดปกติ อาจเกิดจากอุปกรณ์ที่เสื่อมสภาพ หรือใช้งานผิดวิธี

4. ค่าไฟฟ้าต่อหน่วย

ค่าไฟฟ้าต่อหน่วย แสดงเป็น บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง (บาท/kWh) โดยควรตรวจสอบให้ดีว่าอัตราค่าไฟฟ้าตรงกับอัตราที่หน่วยงานการไฟฟ้ากำหนด

5. ค่า FT (ค่าไฟฟ้าผันแปร)

ค่า FT เป็นส่วนสำคัญที่ปรับตามต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงในตลาดโลก เช่น ราคาน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรืออัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งจะถูกคำนวณและปรับเปลี่ยนทุก 4 เดือน (ปีละ 3 รอบ) โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อนำมาคำนวณเพิ่มในบิลค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรม ค่า FT จะถูกคำนวณจากอัตรา FT (บาท/หน่วย) x จำนวนหน่วยไฟฟ้า

6. ค่าใช้จ่ายทั้งหมด

บิลจะแสดงค่าใช้จ่ายรวมที่ต้องชำระในรอบบิล โดยรวมถึงค่าพลังงานไฟฟ้า ค่าบริการรายเดือน ค่า FT และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งมีสูตรการคำนวณ ‘ค่าไฟรวม = (หน่วยไฟฟ้า x ค่าไฟต่อหน่วย) + ค่า FT + ค่าบริการ + VAT’

การคำนวณค่าใช้จ่ายจากบิลค่าไฟโรงงานอุตสาหกรรม

ตัวอย่างวิธีอ่านบิลค่าไฟฟ้าโรงงาน

ข้อมูลสมมุติจากบิลค่าไฟฟ้าโรงงาน

  • ช่วงเวลาการเรียกเก็บเงิน : 1 มกราคม – 31 มกราคม
  • จำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ : 10,000 kWh
  • ค่าไฟฟ้าต่อหน่วย : 5 บาท/kWh
  • อัตรา FT : 0.3972 บาท/หน่วย

การคำนวณจากตัวอย่าง

  • ค่าพลังงานไฟฟ้า : จำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ในรอบเดือน x ค่าไฟฟ้าต่อหน่วย
    • 10,000 kWh x 5 บาท/kW = 50,000 บาท
  • ค่า FT : จำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ในรอบเดือน x อัตรา FT ที่กำหนด
    • 10,000 kWh x 0.3972 บาท/หน่วย = 3,972 บาท
  • ค่าบริการ : ค่าบริการในตัวอย่างนี้กำหนดไว้เป็นค่าบริการขั้นต่ำที่เรียกเก็บจากประเภทผู้ใช้ไฟฟ้าอุตสาหกรรม
    • 33.29 บาท
  • ค่าไฟรวมก่อน VAT : นำค่าพลังงานไฟฟ้า, ค่า FT และค่าบริการมารวมกัน เพื่อหาค่าไฟรวมก่อนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
    • 50,000 + 3,972 + 33.29 = 54,005.29 บาท
  • VAT (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) : คิดจากอัตรา 7% ของค่าไฟก่อนรวม VAT
    • 54,005.29 x 0.07 = 3,780.37 บาท
  • ค่าไฟฟ้าทั้งหมด : นำค่าไฟก่อนรวม VAT บวกกับ VAT เพื่อหาค่าไฟฟ้ารวมที่ต้องชำระในรอบบิลนี้
    • 54,005.29 + 3,780.37 = 57,785.66 บาท

เคล็ดลับการประหยัดค่าไฟในโรงงานอุตสาหกรรม

ตรวจสอบ Power Factor

ค่า Power Factor (PF) คือ ตัวชี้วัดประสิทธิภาพของการใช้พลังงานไฟฟ้าในโรงงาน หากค่า PF ต่ำกว่ากำหนด (ปกติควรไม่ต่ำกว่า 0.85) อาจส่งผลให้โรงงานต้องเสียค่าปรับเพิ่มเติมจากหน่วยงานการไฟฟ้า การแก้ไขปัญหานี้สามารถทำได้โดยการติดตั้ง Capacitor Bank เพื่อปรับปรุงค่า PF ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

ควบคุมแรงดันไฟฟ้าให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

การตรวจสอบแรงดันไฟฟ้าในระบบไฟฟ้าของโรงงาน เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการสูญเสียพลังงานไฟฟ้า ควรรักษาระดับแรงดันไฟฟ้าให้เหมาะสม (380V ในโรงงานทั่วไป) โดยใช้ Stabilizer หรือ AVR (Automatic Voltage Regulator) เพื่อป้องกันแรงดันไฟฟ้าผันผวน ซึ่งแม้ว่าแรงดันไฟฟ้าจะไม่ได้แสดงอยู่ในบิลโดยตรง แต่การตรวจสอบแรงดันไฟฟ้าให้สม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญเสียพลังงานและป้องกันค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น

บริหารความต้องการพลังงานสูงสุด (Peak Demand)

การบริหารความต้องการพลังงานสูงสุด หรือ Peak Demand ช่วยลดค่าใช้จ่ายในช่วงที่ไฟฟ้ามีอัตราค่าไฟฟ้าสูง เช่น

  • เลี่ยงการใช้งานในช่วง On-Peak หรือในช่วงเวลา 09:00-22:00 น. ของวันจันทร์-ศุกร์ โดยวางแผนให้เครื่องจักรที่ใช้พลังงานสูงทำงานในช่วง Off-Peak แทน เช่น เวลากลางคืน 22:00-09:00 น.
  • ใช้พลังงานสำรองในช่วง On-Peak เช่น ใช้พลังงานทดแทน หรือเครื่องปั่นไฟฟ้าสำรอง

กระจายการใช้งานเครื่องจักร

การใช้งานเครื่องจักรหลายตัวพร้อมกันในเวลาเดียวกันอาจทำให้เกิดโหลดไฟฟ้าสูงสุด ส่งผลให้ค่าไฟพุ่งสูงขึ้น แนะนำให้จัดตารางการทำงานของเครื่องจักร โดยกระจายเวลาการใช้งานให้ไม่ซ้อนทับกัน รวมถึงอาจมีการใช้ระบบจัดการโหลดไฟฟ้า (Load Management System) เพื่อลดการใช้พลังงานเกินความจำเป็น

ติดตั้งโซลาร์เซลล์

พลังงานทดแทน เช่น โซลาร์เซลล์ ช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากระบบไฟฟ้าสาธารณะ โดยสามารถช่วยลดปริมาณหน่วยไฟฟ้าที่ต้องซื้อจากการไฟฟ้า นำไปสู่การลดต้นทุนจากค่าไฟฟ้าไปได้ อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนเป้าหมายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งต้องการ

สำหรับผู้ประกอบการที่มองหาโซลูชันที่ตอบโจทย์ สามารถใช้งานไฟฟ้าในโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่าไฟ ขอแนะนำโครงการติดตั้งโซลาร์เซลล์ฟรี จาก GreenYellow ที่ลงทุนติดตั้งพร้อมดำเนินการตั้งแต่กระบวนการออกแบบ ขอใบอนุญาต ไปจนถึงการดูแลระบบและการบำรุงรักษาในระยะยาว โดยมีข้อเสนอในการให้ส่วนลดคงที่จากอัตราค่าไฟฟ้าตลอดทั้งสัญญา หรือสามารถได้อัตราส่วนลดเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันไดตามอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นตลอดระยะสัญญา ช่วยสร้างความยั่งยืนในระยะยาวทั้งในด้านค่าใช้จ่ายและสิ่งแวดล้อม !

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. คำชี้แจงค่า Ft ก.ย. – ธ.ค. 2567. สืบค้นเมื่อ 4 ธันวาคม 2567 จาก https://www.mea.or.th/our-services/tariff-calculation/latestft/GYcaWbjWi
ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึงหลักล้านง่ายๆ เพียงติดต่อเราวันนี้ Contact Us

บทความโดย

แชร์บทความนี้
Facebook
Twitter
LinkedIn
X
Pinterest
WhatsApp

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

อัตราค่าไฟ On Peak และ Off Peak มีผลต่อต้นทุนโรงงานอุตสาหกรรม

มิเตอร์ TOU และค่าไฟ On Peak – Off Peak ดีต่อธุรกิจจริงไหม ?

เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของมิเตอร์ TOU และค่าไฟแบบ On Peak – Off Peak สำหรับธุรกิจ พร้อมทางเลือกที่เหมาะสมกว่าในการประหยัดค่าไฟ

Learn More
ระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมมีผลต่อการใช้พลังงาน ต้นทุน และประสิทธิภาพการผลิต

ปรับระบบไฟฟ้าในโรงงาน ช่วยประหยัดพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพ

เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงงานอุตสาหกรรมของคุณ ด้วยการจัดการระบบไฟฟ้าในโรงงานอย่างครบวงจร เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลกำไร พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน

Learn More
Solar Carport คือหลังคาโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนพื้นที่จอดรถ

Solar Carport ทางเลือกประหยัดพลังงานและเพิ่มมูลค่ารับธุรกิจ

Solar Carport ทางเลือกใหม่เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า เปลี่ยนที่จอดรถให้เป็นแหล่งผลิตพลังงานสะอาด พร้อมลงทุนติดตั้งฟรีจาก GreenYellow

Learn More

Free consultation